แบล็คฟรายเดย์ ศุกร์ทมิฬ (Black Friday) วันแห่งการช้อปปิ้งมโหฬารของชาวอเมริกัน

วันนี้ถ้าใครได้ยินข่าว คงจะมีคำๆ นี้สะกิดหูนะครับ คำว่าวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving day) ซึ่งเป็นวันเทศกาลสำคัญของชาวอเมริกันเทศกาลหนึ่งนั่นเอง ที่มาของวันขอบคุณพระเจ้า เล่าอย่างย่อๆ ก็คือ ตอนที่มีคนอเมริกันบางส่วนอพยพมาในประเทศอเมริกานั้น ยังหาอาหารไม่ค่อยได้ และลำบากมาก อดๆ อยากๆ จนวันหนึ่งก็มีคนขอพรจากพระเจ้าว่า ขออะไรก็ได้มาให้กินหน่อย ให้มันตกถึงท้อง เอาชีวิตรอดได้ และแล้วเจ้าไก่งวงก็วิ่งผ่านมาพอดี กลายเป็นอาหารของคนเหล่านั้นไป และนี่ก็เป็นที่มาของวันขอบคุณพระเจ้า และทุกปีก็ต้องนำไก่งวงมากินเพื่อรำลึกนั่นเอง

ทีนี้พอจบเทศกาลนี้ไป ก็จะมีอีกเทศกาลที่มักจะมาใกล้ๆ กันเสมอ นั่นก็คือวันแบล็คฟรายเดย์ (Black Friday) นั่นเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะกำหนดเป็นวันศุกร์ที่สามของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี

แบล็คฟรายเดย์นี้ ไม่ได้มีความสำคัญในเชิงที่มาที่ไป ตำนาน และก็ไม่ได้เป็นวันหยุดราชการด้วย เพียงแต่มันเป็นกิมมิคหรือลูกเล่นสำหรับห้างสรรพสินค้าในสหรัฐ เพราะพอถึงวันขอบคุณพระเจ้าแล้ว ทุกคนก็จะมารวมตัวกันทั้งครอบครัว และต่างก็จะมีการซื้อของฝากติดไม้ติดมือกันด้วย ห้างฯ เหล่านั้นจึงหัวใสจัดตั้งวันนี้ขึ้นมา ทำให้เป็นอีเว้นท์อลังการ เพื่อจะหาเรื่องให้คนซื้อของเยอะๆ นั่นเอง

ฟังแล้วรู้สึกคุ้นๆ มั้ยครับ มันก็เกิดจากเหตุผลคล้ายๆ กับวันคนโสดของจีนนั่นเอง (11 เดือน 11) ที่ไม่ได้มีที่มาที่ไป แต่ก็หาเรื่องจัดให้มันมีอีเว้นท์

แล้ววันนี้มันจะเกี่ยวข้องอะไรกับเรางั้นหรือ เกี่ยวแน่นอนครับ โดยเฉพาะผู้ที่ค้าขายสินค้ากับประเทศอเมริกา เพราะเป็นเทศกาลลดสินค้าแบบสุดๆ เรียกว่าลดแบบขาดทุนเลยก็ว่าได้ (จริงแล้วไม่ขาดทุน) ถ้าเคยเห็นในโทรทัศน์จะเป็นเทศกาลที่คนทุกคนรอห้างเปิด พอเปิดประตูห้างปุ๊บก็วิ่งกรูกันเข้าไปหยิบแย่งของประหนึ่งว่าแจกฟรีกันเลยทีเดียว

และหากเราต้องการให้สินค้าเราขายดี ก็ไม่ควรพลาดโอกาสนี้ หากเรามีส่วนร่วมในเทศกาลนี้ได้ จะขายดีขึ้นเป็นหลายเท่าตัว จากสถิติบอกว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่ขายดีที่สุดของปี

การจะขายสินค้าเข้าไปอเมริกานั้น ทำได้ 2 รูปแบบ คือ 1) ผ่านการนำเข้าไปที่ประเทศอเมริกาเลย ซึ่งเป็นการนำเข้าแบบปกติ กับแบบที่ 2) การขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการขายผ่านเว็บไซต์อย่าง ebay, amazon, etsy เป็นต้น

สำหรับการขายเข้าห้างแบบปกตินั้น ห้างดังๆ ที่เป็นเป้าหมาย เช่น Walmart, Macy’s เป็นต้น เราก็จะต้องเข้าไปขายโดยผ่านตัวแทนผู้นำเข้า แล้วให้เค้าเอาของเราไปเจรจาคุยกับตัวแทนจัดซื้อของห้างเหล่านั้นอีกที ถ้านึกภาพการขายสินค้าในไทยก็คือการนำสินค้าบางอย่างเข้ามาโดยผู้นำเข้า และนำมาฝากขายที่ห้างโลตัส เซ็นทรัล เป็นต้น

ส่วนอีกช่องทางก็คือการขายทางออนไลน์ ซึ่งเป็นเทรนด์การขายสินค้าที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าหากคุณต้องการขายสินค้า คุณก็ต้องนำสินค้าเข้าไปวางในห้างออนไลน์เหล่านี้ โดยเฉพาะ amazon เป็นห้างออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เจ้าของก็รวยที่สุดในโลกในขณะนี้ด้วย การจะเอาของไปขายบนอเมซอนนั้นมีขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อนพอประมาณ แต่ยังมีโอกาสขายได้มากกว่าการนำของเข้าห้าง จึงเป็นเหตุให้ผู้ขายนิยมนำสินค้ามาขายที่นี่นั่นเอง

สำหรับการขายสินค้าบนอเมซอนนั้น ท่านสามารถติดตามข้อมูลได้ในบทความถัดๆ ไป นะครับ

แถมท้ายให้อีกนิดสำหรับนักช้อป ในเทศกาลนี้คนที่ขายสินค้าแทบทุกประเภทจะลดแหลกสุดๆ ใครที่เล็งสินค้าอะไรไว้ ก็ไม่ควรพลาดนะครับ ผู้เขียนก็ว่าจะไปสอยสินค้าที่น่าสนใจบางตัวเช่นกัน

สนใจเรียนธุรกิจส่งออก คลิกที่นี่

บทความเกี่ยวข้อง

Leave a Comment